การบริจาคเลือดมีความสำคัญอย่างมากในการใช้รักษาผู้ป่วย โดยเลือดและส่วนประกอบของเลือดที่เราบริจาคไปนั้นสามารถนำไปใช้ในผู้ป่วยที่มีการเสียเลือดมาก ทั้งในการรักษา ผ่าตัด เสียเลือดจากอุบัติเหตุ หรือมีโรคที่ทำให้ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้เอง โดยเลือดและส่วนประกอบของเลือดต่างจากยารักษาโรคเนื่องจากไม่สามารถซื้อขายได้ จำเป็นต้องได้มาโดยการบริจาคเท่านั้น;
ในการบริจาคเลือดเป็นการเจาะเลือดออกปริมาตร 450 มิลลิลิตร ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริจาค เนื่องจากร่างกายมีการสร้างเม็ดโลหิตและส่วนประกอบของโลหิตมาทดแทนส่วนที่เสียไป โดยสามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน เมื่อบริจาคโลหิตออกไปแล้ว ไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทน ทำให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม หากไม่ได้บริจาค ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัวเพราะหมดอายุ
การบริจาคเลือดเป็นประจำช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นการบริจาคเลือดยังเป็นการรักษาระดับธาตุเหล็ก ไม่ทำให้เราอยู่ในภาวะ “เหล็กเกิน” ที่ทำให้เกิดการสะสมธาตุเหล็กตามอวัยวะต่าง ๆ มากเกินไปเช่น ตับ หรือหัวใจ จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเช่น โรคตับ โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน
เลือดเป็นตัวนำพาออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ มาสู่ผิว ซึ่งการกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดด้วยการบริจาคเลือด จะช่วยกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ และการไหลเวียนของโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น จึงส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อผิว ช่วยให้ดูเปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดี
การบริจาคเลือดมีส่วนช่วยในการลดความหนืดของเลือด ซึ่งช่วยให้เราห่างไกลจากภาวะหลอดเลือดแดงตีบ เพราะถ้าความหนืดของเลือดมากเกินไปจะทำให้เลือดปั๊มสู่หัวใจยากขึ้น จนอาจทำให้เกิด อาการความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะหลอดเลือดแดงตีบได้
ก่อนการบริจาคเลือด เราจะได้รับการตรวจเลือดในเบื้องต้น ซึ่งอาจทำให้เราได้พบปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่ตรวจเจอได้ผ่านการตรวจเลือด เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคไวรัสตับอักเสบซี โรคซิฟิลิส รวมถึงโรคเอดส์ ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่รู้ตัวมาก่อน รวมถึงเราจะได้รับการตรวจความดันโลหิต ซึ่งจะช่วยให้เราทราบว่าเรานั้นเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูงหรือ ภาวะหลอดเลือดแดงตีบอยู่หรือไม่อีกด้วย
ผู้บริจาคโลหิตมีความปกติทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ไม่มีอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น อาการอ่อนเพลียจากการอดนอน อาการมึนเมาจากการดื่มแอลกอฮอล์หรือ สารอื่น ๆ
การที่น้ำหนักตัวน้อยเกินไปเมื่อบริจาคเลือดไปแล้ว อาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมได้ ถ้าอาการหนักหน่อยก็อาจจะถึงขั้น shock เข้าโรงพยาบาลไปหลายวัน..เพราะร่างกาย สร้างเลือดไม่ทันซึ่งเป็นอันตรายมาก
การนอนหลับมีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่ไม่จำเป็นต้องนอนถึง 8 ชั่วโมง เพียงสามารถนอนได้อย่างเพียงพอและมีคุณภาพ เพียง 5 - 6 ชั่วโมง ถ้านอนหลับสนิท ตื่นมารู้สึกสดชื่น ไม่ผิดไปจากกิจวัตรเดิม และสามารถทำงานได้อย่างปกติ