การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ให้แก่ร่างกาย ซึ่งที่ผ่านมาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์สามารถครอบคลุมเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A/H1N1 และ A/H3N2 และป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B ได้ 1 ตระกูล การเพิ่มไวรัสสายพันธุ์ B ในวัคซีนอีก 1 ตระกูล ก็จะสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่มีการแยกเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ก็มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดในปี ค.ศ. 2012 องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้แนะนำให้เพิ่มไวรัสสายพันธุ์ B เข้าในวัคซีนอีกหนึ่งสายพันธุ์ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นคือ Quadrivalent Influenza Vaccine ซึ่งครอบคลุมไวรัส 4 สายพันธุ์ดังต่อไปนี้
สายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ ปัจจุบัน ปี ค.ศ. 2024 (พ.ศ. 2567) ของ Southern strain หรือ ซีกโลกไต้ ประกอบด้วย
- ไวรัสชนิด A สายพันธุ์ Victoria (H1N1) (an A/Victoria/4897/2022 (H1N1) pdm09-like virus)
- ไวรัสชนิด A สายพันธุ์ Thailand (H3N2) (an A/Thailand/8/2022 (H3N2)-like virus)
- ไวรัสชนิด B สายพันธุ์ Austria (a B/Austria/1359417/2021 (B/Victoria lineage)-like virus)
- ไวรัสชนิด B สายพันธุ์ Phuket (a B/Phuket/3073/2013 (B/Yamagata lineage)-like virus)
องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ครอบคลุมมากขึ้นจากเดิม
ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ?
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์ A และ B มักจะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธ์ุที่ระบาดอยู่ทุกปี การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ลดความรุนแรงในการเกิดโรค ลดโอกาสการนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
แนะนำให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก่อนฤดูที่มีการระบาด (ฤดูฝน และ ฤดูหนาว) และฉีดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่จะลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่นาน การฉีดวัคซีนทุกปีจึงเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับสูง ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในแต่ละปี
วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์แนะนำให้ฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือน จนถึงผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรก็สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์มีประโยชน์อย่างไร?
นอกเหนือจากการปกป้องร่างกายจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้ง 4 สายพันธุ์ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B ครอบคลุมสายพันธุ์มากขึ้นกว่าเดิม
- ลดอัตราการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่
- ลดปัญหาจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ป่วยเรื้อรัง
- ลดการใช้ยาปฎิชีวนะ จากภาวะแทรกซ้อนในการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ลดความรุนแรงของโรค
- ลดอัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
- ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่
กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และควรได้รับการป้องกันด้วยวัคซีน
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี
- ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
- หญิงตั้งครรภ์ และ ผู้หญิงที่อยู่ในระยะ 2 สัปดาห์หลังคลอด
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอด ความผิดของตับไต