การบริจาคโลหิตเป็นการช่วยชีวิตที่สำคัญ ซึ่งผู้บริจาคโลหิตควรมีคุณสมบัติที่เหมาะสมเพื่อให้การบริจาคปลอดภัยและมีประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อผู้บริจาคเองและผู้รับโลหิต ดังนั้น เรามาดูกันว่า 6 คุณสมบัติที่สำคัญมีอะไรบ้าง
ผู้บริจาคโลหิตควรมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายระหว่างการบริจาค เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคเลือดผิดปกติ การตรวจสุขภาพก่อนบริจาคจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้บริจาคไม่เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ
ผู้บริจาคโลหิตต้องมีอายุระหว่าง 17 ถึง 60 ปี เพื่อให้ร่างกายสามารถทดแทนโลหิตที่บริจาคได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี หรือเกิน 60 ปี อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
น้ำหนักเป็นอีกหนึ่งข้อกำหนดสำคัญเพื่อให้มีปริมาณเลือดที่เพียงพอและร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริจาคควรมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 45 กิโลกรัม
ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนในเลือดที่ช่วยขนส่งออกซิเจน หากระดับต่ำเกินไป ผู้บริจาคอาจเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจางได้ ดังนั้น การตรวจระดับฮีโมโกลบินก่อนบริจาคจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ผู้บริจาคโลหิตไม่ควรมีประวัติการติดเชื้อ เช่น เอชไอวี (HIV), ตับอักเสบ บี และ ซี เพื่อให้การบริจาคปลอดภัยสำหรับผู้รับโลหิต
การใช้สารเสพติดหรือดื่มสุราอาจส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของการบริจาคโลหิต ผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวควรงดเว้นก่อนการบริจาค
พักผ่อนให้เพียงพอ – ควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนบริจาค
หลีกเลี่ยงการบริจาคขณะมีประจำเดือน – ผู้หญิงควรเว้นช่วงนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อร่างกาย
งดออกกำลังกายหนัก – การออกกำลังกายหนักก่อนบริจาคอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้า
ทานอาหารที่มีประโยชน์ – ควรบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ใบเขียว และธัญพืช
ผ่อนคลายจิตใจ – ความเครียดอาจทำให้ร่างกายไม่พร้อมสำหรับการบริจาค
เว้นระยะห่างระหว่างการบริจาค – ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือนระหว่างการบริจาคครั้งถัดไป
ด้วยการดูแลและเตรียมตัวอย่างเหมาะสม ผู้บริจาคจะสามารถบริจาคโลหิตได้อย่างปลอดภัย และมีประโยชน์สูงสุดต่อผู้รับนะคะ