6 สัญญาณเตือน มะเร็งเต้านม ตรวจก่อน รู้เร็ว รักษาได้ โอกาสหายสูง

6 สัญญาณเตือน มะเร็งเต้านม ตรวจก่อน รู้เร็ว รักษาได้ โอกาสหายสูง



มะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยเป็นจำนวนมาก และติดอันดับหนึ่งในกลุ่มโรคร้ายที่พบได้บ่อย อย่างไรก็ตาม ความน่าสะพรึงกลัวของโรคนี้สามารถถูกลดทอนลงได้ หากมีการตรวจพบตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก เพราะจะช่วยให้โอกาสในการรักษาหายขาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทว่าปัญหาหลักคืออาการของมะเร็งเต้านมในระยะต้นมักจะเลือนราง และไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจน ส่งผลให้หลายคนมองข้ามและไปพบแพทย์เมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลามแล้ว บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 6 สัญญาณเตือนที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงจากภัยเงียบนี้


6 สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม ที่คุณต้องรู้


1. การคลำพบก้อนแข็งผิดปกติบริเวณเต้านมหรือรักแร้

การตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นวิธีการที่ง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพในการค้นหาความผิดปกติ หากสัมผัสพบก้อนแข็งที่มีขนาดแปลกไปจากเดิม อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้ นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ ควรทำการตรวจเต้านมอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังจากหมดประจำเดือนประมาณ 7 วัน หากพบความผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

2. การเปลี่ยนแปลงของขนาดหรือรูปร่างเต้านม

โดยธรรมชาติ เต้านมของผู้หญิงแต่ละข้างอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่หากพบว่ามีการขยายใหญ่ผิดปกติ หดตัว หรือมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น มีลักษณะบิดเบี้ยว ไม่สมมาตร หรือผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทางทันที

3. ลักษณะผิวเต้านมผิดปกติ เช่น บุ๋มลงหรือมีรอยขรุขระคล้ายเปลือกส้ม

หากสังเกตเห็นว่าผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะบุ๋มลง มีรอยขรุขระคล้ายเปลือกส้ม หรือบวมแดงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่ามีเซลล์มะเร็งที่ลุกลามไปถึงชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด

4. มีของเหลวผิดปกติไหลออกจากหัวนม

หากมีของเหลวที่ผิดปกติ เช่น น้ำเหลืองปนเลือด หรือของเหลวที่ไหลออกมาเองโดยไม่มีการกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไหลออกมาจากหัวนมข้างเดียว ควรเฝ้าระวัง เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด

5. อาการเจ็บเต้านมหรือการอักเสบของผิวหนังเต้านม

อาการเจ็บเต้านมที่ไม่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน รวมถึงอาการแดง บวม อักเสบ หรือมีความร้อนที่ผิดปกติในบริเวณเต้านม อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากมีอาการร่วมกับการคลำพบก้อนแข็งในเต้านม ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

6. ผื่นคันที่รักษาไม่หาย หรือมีแผลตกสะเก็ดบริเวณหัวนม

ผื่นคันที่เกิดขึ้นบริเวณหัวนมหรือรอบเต้านม และยังคงอยู่แม้ได้รับการรักษาแล้ว อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านมชนิดพิเศษ หากมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ผื่นกลายเป็นแผลตกสะเก็ดแข็ง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม



ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น

  2. พันธุกรรมและประวัติครอบครัว

  3. การใช้ฮอร์โมนต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

  4. การบริโภคแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

  5. ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

  6. การขาดการออกกำลังกาย


วิธีลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม

  1. ตรวจเต้านมด้วยตัวเองทุกเดือน

  2. ในผู้หญิงอายุ 35 - 40 ปี ขึ้นไป ควรตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม เพื่อตรวจคัดกรองโรคมะเร็งอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง

  3. ควบคุมน้ำหนักและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

  5. ออกกำลังกายเป็นประจำ


มะเร็งเต้านมเป็นภัยเงียบที่สามารถคุกคามชีวิตของผู้หญิงได้ แต่หากเราตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองและหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรก และรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้มีโอกาสหายขาดสูงขึ้น หากพบสัญญาณเตือนใด ๆ อย่ารอช้า ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด


ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

1. ผู้หญิงอายุน้อยสามารถเป็นมะเร็งเต้านมได้หรือไม่?

สามารถเป็นได้ แม้ว่าความเสี่ยงจะต่ำกว่าผู้สูงอายุ แต่ยังคงมีโอกาสเกิดขึ้นได้

2. มะเร็งเต้านมสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?

หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกและได้รับการรักษาที่เหมาะสม มีโอกาสหายขาดสูงมาก

3. มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร?

ปัจจัยหลายอย่างมีบทบาทในการเกิดโรคนี้ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน การดำเนินชีวิต และสิ่งแวดล้อม

4. ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองบ่อยแค่ไหน?

แนะนำให้ตรวจทุกเดือน โดยเฉพาะหลังจากหมดประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์