ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เอช1 เอ็น1 (H1N1)

ทำอย่างไรเมื่อลูกติดไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A


รู้จักโรคไข้หวัดใหญ่โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งเชื้อนี้มีหลายชนิดมากพอที่จะทำให้สามารถแยกไข้หวัดใหญ่ในคนได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบกันมานานแล้ว แต่เชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้ตลอดเวลา ทำให้คนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ไปแล้วสามารถป่วยได้อีก อาการมักจะไม่รุนแรง เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้าง

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ที่กลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสตัวเดิมมาก จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีภูมิคุ้มกันและติดเชื้อในวงกว้าง ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั่วไป


รู้จักไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เอช1 เอ็น1 (H1N1)

  • เป็นไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H1N1 เอช1 เอ็น1
  • เป็นไข้หวัดใหญ่ที่เริ่มระบาดในปี 2009
  • มีความรุนแรงที่เป็นไปได้ตั้งแต่อาการเบื้องต้นจนถึงอาการรุนแรง เฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก เสียงสูง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง


ไข้หวัดใหญ่ปกติ กับ สายพันธุ์ A แตกต่างกันอย่างไร


1. สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่

  • H1N1: เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H1N1 เอช1 เอ็น1 และเริ่มระบาดในปี 2009 มีอาการที่รุนแรงเกิดขึ้นได้ และมีการระบาดเป็นจะเป็นกลุ่มเสี่ยงเฉพาะ เช่น เด็ก เสียงสูง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง
  • ปกติ: เกิดจากไวรัสชนิดอื่น เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัดซับทราห์ (Influenza A หรือ B) มักมีอาการที่ทั่วไปไม่รุนแรงเช่น ไข้สูง อาการเมื่อย ปวดเมื่อย ไข้เลือด ปวดคอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ และจาม

2.อาการที่เกิดขึ้น

  • H1N1: อาจมีอาการทางเดินหายใจที่รุนแรงเช่น หายใจลำบาก หรือมีอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ อาจมีอาการทางเดินหายใจรุนแรงเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
  • ปกติ: มักมีอาการที่ทั่วไปไม่รุนแรงเช่น ไข้สูง อาการเมื่อย ปวดเมื่อย ไข้เลือด ปวดคอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ และจาม

3.การแพร่กระจาย

  • H1N1: ระบาดได้เร็วและมีการแพร่กระจายกว้างขวาง สามารถแพร่ผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสกับวัตถุที่มีเชื้อ
  • ปกติ: ไข้หวัดใหญ่ปกติระบาดในฤดูหนาว และมักมีการแพร่กระจายในหมู่คนที่อยู่ใกล้กัน เช่น ในสถานที่เรียนหรือที่ทำงาน

4.กลุ่มเปรียบเทียบเสี่ยง

  • H1N1: กลุ่มเสี่ยงเฉพาะในสายพันธุ์ H1N1 ได้แก่ เด็ก เสียงสูง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง
  • ปกติ: ไข้หวัดใหญ่ปกติอาจมีผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ

5.อายุของผู้ป่วย

  • H1N1: มักมีผู้ป่วยในกลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง
  • ปกติ: ไข้หวัดใหญ่ปกติมักมีผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ

สรุปได้ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เอช1 เอ็น1 (H1N1) และไข้หวัดใหญ่ปกติมีความแตกต่างกันในเรื่องของสายพันธุ์ไวรัส ระดับความรุนแรงของอาการ กลุ่มเปรียบเทียบเสี่ยง และปัจจัยอื่น ๆ ดังนั้นการรับรู้ความแตกต่างนี้จะช่วยในการรับมือและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสม.


ทำอย่างไรเมื่อลูกติดไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A


  • ควบคุมอาการ: ถ้าลูกมีอาการไข้สูง อาเจียน ไข้เลือด น้ำมูกไหล และอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำในการรักษาอาการ
  • การพักผ่อนและการดื่มน้ำเพียงพอ: ให้ลูกได้รับการพักผ่อนเพียงพอและดื่มน้ำเพียงพอเพื่อรักษาความชุ่มชื่นในร่างกาย
  • การให้ยาลดไข้: ถ้าลูกมีไข้สูง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบรูโฟเนชิน (Ibuprofen) โดยตามคำแนะนำจากแพทย์และฉลากของยา
  • รักษาความสะอาด: สำหรับเด็กที่ติดเชื้อควรสังเกตและดูแลให้ลูกรักษาความสะอาด ล้างมือบ่อยครั้งโดยใช้สบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือเมื่อไม่สามารถล้างมือได้
  • การป้องกันการแพร่กระจาย: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ H1N1 เอช1 เอ็น1 เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อ
  • การใส่หน้ากากอนามัย: ถ้าลูกต้องอยู่ใกล้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรืออาจจะต้องออกไปในสถานที่คนเยอะ คุณอาจพิจารณาให้ลูกสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • คำแนะนำจากแพทย์: คุณควรปรึกษาแพทย์เมื่อลูกติดเชื้อ แพทย์จะให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลลูก การรักษาอาการ และเฝ้าระวังอาการที่รุนแรงขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 เอช1 เอ็น1 ในเด็กมักจะมีอาการเบาบางและไม่รุนแรงมาก แต่ในกรณีที่อาการเสียหายมากขึ้นหรือมีอาการทางเดินหายใจที่รุนแรง ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม.


ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A รักษาได้ไหม

           ยาต้านไวรัสไขหวัดใหญ่มีอยู่ไม่กี่ชนิด โดยยาชื่อ โอเซลตามิเวียร์” สามารถรักษาโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่นี้ได้ แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหากใช้พร่ำเพรื่อเชื้ออาจดื้อยาได้ ส่วนวัคซีนป้องกันยังอยู่ในขั้นตอนการค้นคว้าวิจัย และอาจจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควร จึงจะไปถึงขั้นที่จะสามารถนำมาใช้สำหรัประชาชน และในประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโรค


          ทั้งนี้ในปัจจุบันมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล แนะนำให้ฉีดทุกปี ปีละ ครั้ง วัคซีนนี้เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง หรือมีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคปอด และโรคหัวใจ วัคซีนที่มีประจำฤดูกาลนี้ไม่สามารถป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ได้ แต่อาจช่วยลดความรุนแรงได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งยังต้องการการศึกษาวิจัยต่อไป