อาการไข้เลือดออกมักจะมีหลายระยะ ซึ่งแต่ละระยะอาจมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันไป แต่หลักๆ ที่พบได้คือ ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ ผื่นตามตัว อาจมีเลือดออกง่าย เช่น เลือดออกตามเหงือกหรือจมูก นอกจากนี้อาจพบจุดแดงๆ ตามผิวหนัง ซึ่งเป็นสัญญาณของการมีเกล็ดเลือดต่ำลงอย่างมาก
อาการสำคัญที่ควรสังเกตคือ ไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วันติดต่อกัน โดยเฉพาะหากมีอาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดเบ้าตา ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีผื่นตามตัว การที่มีอาการเลือดออกง่ายเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ควรระวัง เช่น เลือดออกตามเหงือก เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
สาเหตุของไข้เลือดออกมาจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue Virus) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ เชื้อไวรัสนี้ถูกแพร่กระจายโดยยุงลาย โดยเฉพาะยุงลายบ้านที่มักวางไข่ในน้ำขังเล็กๆ รอบๆ บริเวณบ้าน การป้องกันจึงเน้นไปที่การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น การเทน้ำขัง และการใช้สารเคมีกำจัดยุง ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เคยได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดจะมีภูมิคุ้มกันเฉพาะสายพันธุ์นั้น หากได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ต่างออกไปจากครั้งแรกก็สามารถเป็นไข้เลือดออกได้อีก และโดยทั่วไปอาการของโรคครั้งที่สองมักรุนแรงกว่าครั้งแรก
ทั้งนี้ ในแต่ละปีพบว่ามีการกระจายของเชื้อทั้ง 4 สายพันธุ์หมุนเวียนกัน และมีเชื้อที่เด่นแตกต่างกันไปในแต่ละปี ทำให้มีการระบาดของโรคมาโดยตลอด เนื่องจากประชาชนไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์นั้นๆ
ไข้เลือดออกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคแพร่พันธุ์ อาการไข้เลือดออกในระยะแรกจะเริ่มจากมีไข้สูงฉับพลัน ซึ่งมักจะอยู่ในช่วง 3-7 วันแรก นอกจากไข้สูงแล้ว ยังมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดเบ้าตา ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ อาการเหล่านี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดหรือไข้ปกติ แต่ควรระวังเพราะไข้เลือดออกเป็นโรคที่อันตรายหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
หลังจากถูกยุงลายกัดและติดเชื้อไวรัสเดงกี่ ไวรัสจะใช้เวลาประมาณ 4-10 วันในการฟักตัว นี่เป็นช่วงที่ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการ แต่เชื้อไวรัสจะสะสมในร่างกายและพร้อมที่จะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ เมื่อครบระยะฟักตัว ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไข้สูงตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นการระวังตัวและหลีกเลี่ยงการโดนยุงกัดเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด
ในผู้ป่วยบางราย หากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเกิดภาวะที่เรียกว่า “ระยะช็อค” ซึ่งเป็นระยะที่ร่างกายเริ่มตอบสนองต่อเชื้อไวรัสโดยการปล่อยสารที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว จนทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญได้ อาการระยะช็อคนี้มีความอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เด็กเป็นกลุ่มที่เสี่ยงมากในการติดเชื้อไข้เลือดออก เนื่องจากภูมิต้านทานในร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ และหากเด็กติดเชื้อไข้เลือดออก อาการที่แสดงออกมาอาจจะมีความรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่ เช่น ไข้สูง ผื่นตามตัว อาการขาดน้ำอย่างรุนแรง หรือภาวะช็อค การดูแลเด็กที่ป่วยจึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ
อาการไข้เลือดออกในเด็กมักจะมีลักษณะคล้ายกับผู้ใหญ่ แต่เนื่องจากเด็กอาจจะยังไม่สามารถสื่อสารถึงอาการได้ดีนัก การเฝ้าระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากพบว่าเด็กมีไข้สูง ปวดศีรษะ หรือมีจุดแดงบนผิวหนัง ควรพาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัย
ไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีความรุนแรงและน่ากลัวจริง การป้องกันโรคนี้ควรที่จะเริ่มต้นที่แหล่งน้ำที่อาจเป็นที่อยู่ของยุงลาย และการป้องกันยุงลาย เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ นอกจากนี้การรักษาด้วยการดูแลทางการแพทย์และการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าเพียงพอก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากโรคไข้เลือดออกอย่างเต็มที่