ไข้เลือดออกน่ากลัวกว่าที่คิด

ไข้เลือดออก น่ากลัวกว่าที่คิด


ไข้เลือดออก เป็นหนึ่งในโรคที่สร้างปัญหาและก่อให้เกิดความกังวลและความกลัวในประเทศไทยอย่างมาก โดยในประเทศไทยพบรายงานผู้ป่วยโรคติดต่อนำโดยยุงเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคไข้เลือดออก และโรคมาลาเรีย  ข้อมูลจากรายงานในปี 2565 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสม 45,145 ราย ซึ่งมากกว่าปี 2564 ถึง 4.5 เท่า อีกทั้งยังพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออกยืนยันถึง 31 ราย  และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 โดยจังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด ได้แก่ จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน และกาญจนบุรี  ส่วนใหญ่พบเป็นชาวต่างชาติ และมีผู้ป่วยเสียชีวิต 2 ราย

โดย โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกีซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4 นั้นมียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายดูดเลือดผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อจะเข้าไปฝังตัวภายในกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุงโดยมีระยะฟักตัวประมาณ 8-12 วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสไปกัดคนอื่นๆ ต่อ เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่โดนกัด ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกตามมา

ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เคยได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดจะมีภูมิคุ้มกันเฉพาะสายพันธุ์นั้น หากได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ต่างออกไปจากครั้งแรกก็สามารถเป็นไข้เลือดออกได้อีก และโดยทั่วไปอาการของโรคครั้งที่สองมักรุนแรงกว่าครั้งแรก

ทั้งนี้ ในแต่ละปีพบว่ามีการกระจายของเชื้อทั้ง 4 สายพันธุ์หมุนเวียนกัน และมีเชื้อที่เด่นแตกต่างกันไปในแต่ละปี ทำให้มีการระบาดของโรคมาโดยตลอด เนื่องจากประชาชนไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์นั้นๆ



อาการและอาการร่วม


อาการของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเดงกีนั้น แบ่งเป็น 2 ชนิดตามความรุนแรง คือ

  • ไข้เดงกี
  • ไข้เลือดออก

โรคไข้เดงกี (dengue fever) ซึ่งอาการที่พบได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อหรือกระดูก มีผื่นขึ้นคล้ายผื่นของโรคหัด และอาจมีภาวะเลือดออกหรือไม่มีก็ได้ ส่วนโรคไข้เลือดออกนั้น นอกจากจะมีอาการเช่นเดียวกับโรคไข้เดงกีแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค คือ 

  • มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
  • หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
  • ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา

ความร้ายแรง


ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก หลังจากมีไข้มาแล้วหลายวันผู้ป่วยอาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวหรือภาวะช็อก และเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า กลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (dengue shock syndrome) โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้


การป้องกันและรักษา


การป้องกันเบื้องต้นคือการกำจัดแหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่ของยุงลาย เพื่อไม่ให้มีโอกาสในการเพาะพันธุ์ นอกจากนี้การใช้เสื้อผ้าที่ปิดมิดชิดและใส่สารกันยุงตามบริเวณน้ำขัง

สำหรับการรักษา ไม่มียาที่เฉพาะเจาะจงในการรักษาไข้เลือดออก การรักษาจะเน้นทางการบำบัดและการดูแลอาการผู้ป่วย การรับประทานน้ำเพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดน้ำและการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าเพียงพอ เพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส


สรุป


ไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีความรุนแรงและน่ากลัวจริง การป้องกันโรคนี้ควรที่จะเริ่มต้นที่แหล่งน้ำที่อาจเป็นที่อยู่ของยุงลาย และการป้องกันยุงลาย เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ นอกจากนี้การรักษาด้วยการดูแลทางการแพทย์และการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าเพียงพอก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากโรคไข้เลือดออกอย่างเต็มที่